แชร์

Drive Shaft คืออะไร? หน้าที่ อาการเสีย และวิธีดูแลแบบมือโปร (สำหรับระบบ Cooling Tower)

อัพเดทล่าสุด: 30 ต.ค. 2025
148 ผู้เข้าชม


ในหอหล่อเย็น (Cooling Tower) แบบเกียร์ขับพัดลม มอเตอร์มักติดตั้งบนแท่นเหนือเด็ค แล้วถ่ายทอดกำลังผ่าน drive shaft ไปยัง เกียร์มุมฉาก (right-angle gearbox) ที่เชื่อมกับเพลาพัดลม หน้าที่ของ shaft จึงไม่ใช่แค่ ส่งแรงบิด แต่ต้องรับมือกับการสั่นสะเทือน ความชื้น ละอองน้ำ (drift) และสารเคมีจากระบบปรับสภาพน้ำ ซึ่งล้วนส่งผลต่อการสึกหรอและความปลอดภัยโดยตรง

ต่างจากเพลารถที่ทำงานในสภาพแห้งและอุณหภูมิคงที่กว่า เพลาใน Cooling Tower อยู่ในบรรยากาศชื้น กัดกร่อน มีความเสี่ยงการกระเด็นของน้ำเคมี จึงให้ความสำคัญกับ การป้องกันการกัดกร่อน, น้ำหนักของเพลา (ผลต่อแรงเฉื่อย/โหลดแบริ่ง), การซีล, และการกั้นป้องกัน (guarding) มากเป็นพิเศษ

โครงสร้างและหลักการทำงาน

ชุดขับมาตรฐานประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า (มักเป็นแนวนอน), คัปปลิงยืดหยุ่น (flexible coupling) ด้านมอเตอร์, ตัวเพลา (shaft) แบบท่อนเดียวหรือหลายท่อน, สเปเซอร์/ฟลานจ์, และ คัปปลิงด้านเกียร์ บางรุ่นเป็นเพลา ลอย (floating shaft) ที่พึ่งพาคัปปลิงยืดหยุ่นทั้งสองด้านเพื่อชดเชยการเยื้องศูนย์เชิงมุม/เชิงขนาน และดูดซับแรงกระชากระหว่างสตาร์ตหยุด

เพลาควรถูก บาลานซ์แบบไดนามิก ตามเกรดที่เหมาะสม (เช่น ISO 21940-11 เดิม ISO 1940, ระดับ G6.3 หรือดีขึ้นสำหรับรอบสูง) และมี ระยะห่างจากความเร็ววิกฤต (critical speed margin) เพียงพอ เพื่อหลีกเลี่ยงเรโซแนนซ์ในย่านความเร็วทำงานจริง การติดตั้งที่ถูกต้องจะกำหนด แนวศูนย์ (alignment) ให้ตรงทั้งแนวราบแนวดิ่ง พร้อมชดเชย thermal growth ของฐานรองมอเตอร์/เกียร์เมื่อตัวเครื่องอุ่นตัวหลังเดินเครื่องต่อเนื่อง

เลือกวัสดุเพลาและคัปปลิงให้ เข้ากับหน้างานจริง

วัสดุของเพลามีผลต่อความทนทาน การสั่น และภาระที่ส่งต่อไปยังแบริ่งของเกียร์/มอเตอร์ โรงงานจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนจากเหล็กคาร์บอนมาใช้ FRP (ไฟเบอร์เสริมแรง) หรือ สแตนเลส ขึ้นอยู่กับสารเคมีที่สัมผัสและข้อจำกัดน้ำหนักสปิน

เปรียบเทียบตัวเลือกยอดนิยม

  • เหล็กคาร์บอน: แข็งแรง ราคาเอื้อมถึง แต่หนักและไวต่อสนิม ต้องเคลือบ/ทาสีกันกัดกร่อนอย่างดี
  • สแตนเลส (เช่น 304/316): ต้านการกัดกร่อนได้ดีกว่า แต่หนักกว่าคอมโพสิต และต้นทุนสูง
  • FRP/คอมโพสิต: เบา ต้านการกัดกร่อนดี ลดแรงเฉื่อยและโหลดแบริ่ง เหมาะสภาพชื้นจัด แต่ต้องควบคุมคุณภาพการประกอบและทอร์กตามสเปกผู้ผลิต
  • คัปปลิงยืดหยุ่น (elastomeric/disc/grid): ช่วยชดเชยเยื้องศูนย์และลดแรงกระแทก เลือกชนิดตามอุณหภูมิ/สารเคมี/ทอร์ก
  • ฮาร์ดแวร์/โบลต์: ควรใช้เกรดเหมาะสมและสารกันคลาย โดยเฉพาะจุดที่โดนสเปรย์น้ำต่อเนื่อง

แนวศูนย์ บาลานซ์ และความเร็ววิกฤต: สามเสาหลักของความเสถียร

แนวศูนย์ (alignment) คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างเพียงเยื้องศูนย์ไม่กี่มิลลิเมตรในเพลายาว อาจก่อให้เกิดแรงสั่นและแรงกดผิดแนวที่คูปปลิงและแบริ่ง เมื่อทำงานหลายชั่วโมงต่อวัน ความร้อนสะสมจะขยายตัวฐานเครื่องเล็กน้อย (thermal growth) ดังนั้นการตั้งศูนย์ควรเผื่อค่าชดเชยตามสภาพเดินเครื่องจริง (hot alignment) และต้องแก้ปัญหา soft foot ก่อนล็อกนอตทั้งหมด

บาลานซ์ ที่ได้มาตรฐานช่วยลดแรงเหวี่ยงและการสั่นสะสม ในทางปฏิบัติ ควรตรวจใบรับรองบาลานซ์จากผู้ผลิต และเมื่อซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญ ให้ทำ re-balance อีกครั้ง โดยเฉพาะเพลาหลายท่อนที่ใช้สเปเซอร์ยาว

ความเร็ววิกฤต (critical speed) เป็นย่านที่เพลามีแนวโน้มสั่นแรงจากเรโซแนนซ์ กฎง่าย ๆ คือให้ความเร็วใช้งานห่างจาก Ncr พอสมควร (เช่น 2025% ขึ้นไป) เพื่อความปลอดภัยและอายุชิ้นส่วน การคำนวณ Ncr อาศัยความแข็ง (stiffness) ของเพลา/ตลับลูกปืน/ระยะสเปน และมวลหมุนที่ปลาย หากเพิ่มความยาวโดยไม่เพิ่มความแข็งแรง หรือมีอุปกรณ์เสริมติดที่ปลาย อาจทำให้ Ncr เลื่อนเข้ามาใกล้ช่วงใช้งานโดยไม่ตั้งใจ

อาการเสียที่พบในหน้างาน Cooling Tower

อาการแรก ๆ มักเริ่มจาก เสียงหึ่ง/ครางผิดปกติ และการสั่นเพิ่มขึ้นที่ช่วงความเร็วหนึ่ง ต่อด้วย ยางคัปปลิงแตกร้าว หรือ โบลต์ฟลานจ์คลาย หากไม่หยุดตรวจ อาจลุกลามถึง เพลาบิดงอ หรือ แบริ่งเกียร์สึกก่อนเวลา สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังมักเป็นการเยื้องศูนย์เล็ก ๆ ที่ปล่อยไว้นาน การตั้งทอร์กนอตไม่ตามสเปก ความไม่สมดุลจากสนิม/คราบที่เกาะเพลา หรือการพลาดเผื่อ thermal growth ตอนตั้งศูนย์

สภาพแวดล้อมก็มีบทบาทละอองน้ำที่พัดผ่านพร้อมสารเคมีปรับสภาพน้ำ สามารถเร่งการกัดกร่อนที่ฟลานจ์และโบลต์โดยเฉพาะจุดที่เคลือบกันสนิมหลุด การมี การ์ดครอบ ที่ระบายอากาศแต่กันละอองและสิ่งแปลกปลอมได้ จะช่วยลดปัญหาสะสมคราบที่ทำให้บาลานซ์เพี้ยน

ขั้นตอนบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่ควรยึดเป็นวินัย

การบำรุงรักษาที่ดีเริ่มจาก วางรอบตรวจ ชัดเจน: ตรวจด้วยสายตาทุกสัปดาห์, วัดการสั่นสะเทือนรายเดือน, ตรวจแนวศูนย์และแรงบิดโบลต์รายไตรมาส หรือหลังงานซ่อมใหญ่/ถอดประกอบ ตลอดจนบันทึกข้อมูลเป็นเทรนด์เพื่อ เห็นก่อนพัง แทนการรอให้หยุดเครื่อง

การวัด Vibration ในแกนแนวรัศมี/แนวแกนที่แบริ่งใกล้คัปปลิงทั้งสองฝั่ง จะช่วยเจาะจงชนิดความผิดปกติ (ไม่สมดุลเยื้องศูนย์หลวมหลุดเฟสชิฟต์) ขณะที่ Thermography ชี้จุดร้อนที่คัปปลิง/ฟลานจ์ซึ่งบอกใบ้การเสียดสีผิดปกติ การพิจารณา การเปลี่ยนอิลาสโตเมอร์ในคัปปลิง ตามชั่วโมงใช้งานแทนรอจนแตก จะลดเหตุหยุดเครื่องกะทันหันได้มาก

คู่มือแก้ปัญหาไว: อาการสาเหตุวิธีจัดการ

Troubleshooting Quick Guide

  • สั่นที่ช่วงความเร็วหนึ่ง บาลานซ์เพี้ยน/เข้าใกล้ Ncr ทำความสะอาดคราบ, ตรวจตะกอนเกาะ, re-balance, ตรวจ critical speed margin
  • เสียงหึ่งต่อเนื่อง เยื้องศูนย์/โบลต์คลาย laser alignment ใหม่, เช็ก soft foot, ทอร์กนอตตามสเปก
  • ยางคัปปลิงแตกร้าวเร็ว ผิดสเปกวัสดุ/อุณหภูมิสูง/สารเคมี เปลี่ยนชนิดคัปปลิง, ปรับการระบายอากาศ/การ์ด, ตรวจ misalignment
  • ฟลานจ์/โบลต์เป็นสนิมหนัก การป้องกันกัดกร่อนไม่เพียงพอ เปลี่ยนวัสดุ/ชุบ, ทาสีกันสนิม, ใช้สารกันคลาย (ที่ผู้ผลิตอนุญาต)
  • แบริ่งเกียร์ร้อน/สึกเร็ว เพลา/คัปปลิงถ่ายทอดแรงสั่นเกิน ตรวจ alignment/balance, ตรวจน้ำหนักเพลาและโหลดที่ส่งเข้าแบริ่ง

ความปลอดภัย: ไม่มีข้อยกเว้น

เพลาหมุนความเร็วสูงในสภาพแวดล้อมเปียกลื่นเป็นความเสี่ยงโดยตรง ต้องมี การ์ดครอบที่มั่นคง, ป้ายเตือนชัดเจน, และ มาตรการ Lock-Out/Tag-Out (LOTO) ทุกครั้งก่อนเข้าทำงาน ใบอนุญาตงานร้อน/งานที่สูง (ถ้ามี) ควรเป็นส่วนหนึ่งของระเบียบปฏิบัติ นอกจากนี้ การจัดสภาพพื้นที่ให้เดินยืนได้อย่างปลอดภัย การกันตกเครื่องมือ และการฝึกซ้อมกรณีฉุกเฉิน เป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ต้องปลูกฝังอย่างต่อเนื่อง

ติดตั้งใหม่หรือเปลี่ยนรุ่น: เช็คอะไรให้ครบก่อนเดินเครื่อง

เมื่อเปลี่ยนจากเหล็กเป็น FRP/composite หรือสลับชนิดคัปปลิง ควรตรวจสอบ ทอร์กเริ่มต้นสูงสุด ของระบบ, ความยาวสเปเซอร์, และ critical speed margin ใหม่ทั้งหมด ระยะรูสลัก/ฟลานจ์ควรสอดคล้องกับมาตรฐานผู้ผลิตเกียร์มอเตอร์ และหากฐานเครื่องมีการปรับแต่ง ควรทำ grouting ให้แน่นหนาเพื่อลด soft foot บนฐานที่ยกตัวไม่เท่ากัน ขั้นตอน run-in ช่วงแรกควรบันทึกค่าการสั่นและอุณหภูมิทุก 1530 นาที เพื่อยืนยันความเสถียร ก่อนปล่อยเดินงานต่อเนื่องยาว ๆ

เพลาเล็ก ๆ ที่คุมความเสี่ยงใหญ่ ๆ

Drive shaft ในระบบ Cooling Tower คือชิ้นส่วน เล็กเมื่อเทียบกับหอทั้งใบ แต่ผลกระทบต่อความปลอดภัย พลังงาน และความพร้อมใช้งานของระบบ ใหญ่กว่าที่คิด การเลือกวัสดุและคัปปลิงให้เหมาะกับสภาพกัดกร่อน การตั้งศูนย์และบาลานซ์ตามมาตรฐาน การเว้นระยะจากความเร็ววิกฤตอย่างพอเพียง และการบำรุงรักษาแบบมีวินัย คือสี่เสาหลักที่ทำให้พัดลมเดินเรียบ เย็นไว และปลอดภัยยาวนาน เมื่อทีมปฏิบัติการอ่านเสียงอ่านสั่นเป็น ดูบันทึกแนวโน้มอย่างสม่ำเสมอ และปิดงานด้วย LOTO ทุกครั้ง เพลาเส้นเดียวนี้จะเลี้ยงทั้งระบบให้เดินนิ่งและช่วยให้หอหล่อเย็นทำหน้าที่ของมันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


บทความที่เกี่ยวข้อง
Spray_Nozzles
Spray Nozzles หรือ หัวฉีดสเปรย์ คืออุปกรณ์ที่ควบคุมการไหลของของเหลวให้เป็นละอองในรูปแบบต่างๆ (เช่น กรวยเต็ม, พัด, หมอก) มีความสำคัญในอุตสาหกรรมสำหรับงานล้าง, ทำความเย็น, เคลือบผิว, หรือควบคุมฝุ่น การเลือกประเภท, วัสดุ, และแรงดันที่ถูกต้อง รวมถึงการบำรุงรักษาเพื่อป้องกันการอุดตัน เป็นสิ่งจำเป็นต่อประสิทธิภาพของกระบวนการ
30 ต.ค. 2025
Chemical_Skid
Chemical Skid คือ ชุดจ่ายสารเคมีแบบประกอบสำเร็จที่ทดสอบมาจากโรงงาน ใช้สำหรับ Cooling Tower เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำอย่างแม่นยำ โดยการจ่ายสารเคมีเพื่อป้องกันตะกรัน, การกัดกร่อน, และเชื้อชีวะ (Biofouling) ช่วยลดงานติดตั้งหน้างานและทำให้ระบบหล่อเย็นทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ
30 ต.ค. 2025
Distribution_Line
Distribution Line สำหรับ Cooling Tower คือระบบจำหน่ายไฟฟ้าตั้งแต่ MV ถึง LV ที่จ่ายไฟให้มอเตอร์พัดลมและปั๊ม หัวใจสำคัญคือการออกแบบ Protection Coordination ที่ถูกต้อง, การจัดการคุณภาพไฟฟ้า (เช่น ฮาร์มอนิกจาก VFD), และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (เช่น Thermography) เพื่อป้องกันการทริป, ลดไฟกระชาก, และยืดอายุอุปกรณ์ ทำให้ระบบหล่อเย็นทำงานได้อย่างเสถียร
30 ต.ค. 2025
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy และ Cookies Policy
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ